doggyland.org
วิดีโอ: วิธีกำจัดราดำ (พร้อมรูปภาพ) - วิดีโอ: รู้ทันศัตรูพืชเรื่องมะม่วง ตอนโรคราดำ | สวก.
ป้องกันคราบตะกรัน ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดโถสุขภัณฑ์ ซึ่งมีให้เลือกทั้งชนิดก้อนและชนิดน้ำ(สีน้ำเงิน) ชนิดก้อนจะใช้งานง่าย เพียงใส่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวลงในแท็งก์พักน้ำ จากนั้นเมื่อกดชักโครก น้ำจะกลายเป็นสีฟ้า เพื่อช่วยทำความสะอาดและให้กลิ่นหอมทุกครั้งที่กดน้ำใช้ ส่วนชนิดน้ำก็มีประสิทธิภาพพอๆ กัน แต่การใช้งานจะยุ่งยากกว่าเล็กน้อย โดยต้องแขวนไว้ที่ข้างขอบโถเพื่อให้ตรงกับบริเวณที่น้ำไหลผ่าน แต่เมื่อของเหลวหมด สามารถถอดออกมาแล้วเปลี่ยนขวดใหม่ได้ 5. ราดำที่พื้นและผนังตามร่องยาแนวในห้องน้ำ ใช้สเปรย์น้ำยาสูตรฆ่าเชื้อราทิ้งไว้สักครู่ แล้วใช้แปรงขัดทำความสะอาด จากนั้นล้างออกด้วยน้ำ แต่ถ้าสิ่งสกปรกบนร่องยาแนวเกิดจากคราบฝุ่นฝังแน่น คราบสบู่ หรือคราบไขมัน ให้ใช้ผลิตภัณฑ์สูตรทำความสะอาดยาแนวโดยเฉพาะ โดยผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1 ต่อ 4 แล้วนำไปเช็ดตามร่องยาแนว ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นขัดด้วยแปรงที่ขนไม่แข็งมากเกินไป จนทำให้กระเบื้องด่าง แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด (ทำซ้ำอีกครั้งได้ในกรณีที่มีคราบสกปรกฝังแน่นมากๆ) 6. สแตนเลสและโครเมียม ใช้ผ้าแห้งชุบน้ำยาหรือครีมขัดเงาอเนกประสงค์ เช็ดถูพื้นผิวในบริเวณที่ต้องการ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและเคลือบเงาสเตนเลสโดยเฉพาะก็ได้ เพียงสเปรย์หรือใช้ผ้าแห้งสะอาดๆ ชุบน้ำยาแล้วนำไปเช็ดคราบรอยเปื้อนต่างๆ ก็สามารถคืนความเงางามให้กับอุปกรณ์สแตนเลสและโครเมียมได้เป็นอย่างดี 7.
หลังอาบน้ำให้เช็ดน้ำออกจากผนังห้องอาบน้ำ จะช่วยลดความชื้นในห้องน้ำได้ประมาณ 3 ใน 4 เพื่อป้องกันการเติบโตของเชื้อรา 2. เปิดพัดลมระบายอากาศในระหว่างที่อาบน้ำ และเปิดต่อเนื่องประมาณครึ่งชั่วโมง เพื่อระบายความชื้นออกไป อาจจะใช้วิธีตั้งไทม์เมอร์เพื่อให้ปิดอัตโนมัติก็ได้ 3. หากถึงเวลาที่ต้องยาแนวใหม่ ให้เลือกยาแนวที่มีมาตรฐาน และเป็นแบบกันน้ำ 4. ในการขจัดเชื้อราที่มีอยู่ ให้ขัดด้วยผงซักฟอกและน้ำ จากนั้นก็ปล่อยให้พื้นผิวแห้งสนิท อาจจะใช้น้ำยาฟอกขาวประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ผสมน้ำ 90 เปอร์เซ็นต์ในการกำจัดเชื้อรา การใช้น้ำยาฟอกขาวในความเข้มข้นที่มากกว่านี้ก็ไม่ได้ให้ผลดีแตกต่างกัน เมื่อผสมน้ำยาแล้วให้นำใส่ขวดสเปรย์ ฉีดบริเวณที่มีเชื้อราและทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีก่อนล้างออกและปล่อยให้แห้ง 5. ในกรณีที่พัดลมไม่สามารถระบายความชื้นได้หลังจากเปิดไปแล้วประมาณ 5 ถึง 10 นาที นั้นอาจจะหมายถึงว่า พัดลมที่เราใช้ ไม่สามารถหมุนเวียนอากาศได้ ให้เปลี่ยนไปใช้พัดลมที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
วิธีกำจัดราดำ: คำแนะนำทีละขั้นตอน - การซ่อมแซม เนื้อหา: วิธีกำจัดราดำในบ้านของคุณ ขั้นตอนที่ 1: ค้นหาแหล่งที่มา ตรวจสอบแหล่งน้ำ ตรวจสอบประวัติบ้านของคุณ เกิดอะไรขึ้นถ้าคุณไม่เห็นแม่พิมพ์? ขั้นตอนที่ 2: เตรียมตัวเอง เครื่องมือและวัสดุสำหรับการกำจัดแม่พิมพ์ ขั้นตอนที่ 3: เลือกอาวุธของคุณ 3 วิธีราคาถูกและมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อรา 5 ตัวเลือกการกำจัดเชื้อราตามธรรมชาติ 1. ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 2. น้ำส้มสายชู 3. เบคกิ้งโซดา 4. น้ำมันทีทรี 5.
กำจัดคราบราดำ ตามร่องยาแนว - YouTube
ตรวจสอบประวัติบ้านของคุณ หากบ้านของคุณเคยมีการรั่วครั้งใหญ่ ถูกน้ำท่วม หรือได้รับความเสียหายจากน้ำอย่างต่อเนื่องไม่ว่ารูปแบบใดก็ตาม คุณอาจมีเชื้อราขึ้นจนมองไม่เห็น เชื้อราเริ่มต้นจากการสลายตัวที่เกิดจากความชื้น แต่สามารถอยู่เฉยๆ ได้จนกว่าระดับความชื้นจะถึงจุดหนึ่ง หากเป็นเช่นนั้น มันสามารถเติบโตอย่างรวดเร็วและมองไม่เห็นเป็นเวลาหลายปีก่อนที่จะสังเกตเห็น มันสามารถเติบโตหลัง drywall, กรุ, วอลเปเปอร์, กระเบื้องฝ้าเพดาน ฯลฯ เกิดอะไรขึ้นถ้าคุณไม่เห็นแม่พิมพ์?
เสื้อผ้าขึ้นรา แก้ได้ไม่ยาก.. มาดูวิธีกำจัดเชื้อราบนเสื้อผ้า พร้อมบอกลาเสื้อเก่าสุดโทรมเพราะรอยจุดดำ ๆ ให้เสื้อตัวโปรดกลับมาสะอาดน่าใส่อีกครั้ง เซ็งสุด ๆ เมื่อกำลังจะใส่เสื้อตัวโปรด แต่เจอจุดดำ ๆ เล็ก ๆ กระจายเต็มไปหมด เพราะตู้เสื้อผ้าชื้นหรือเผลอกองเสื้อผ้าเปียกเหงื่อทิ้งไว้หลายวัน จนมีเชื้อราเกาะเสื้อผ้าของเรา อ๊ะ ๆ อย่าเพิ่งโยนทิ้งนะคะ เพราะวันนี้เรามีวิธีกำจัดเชื้อราบนเสื้อผ้าแบบง่าย ๆ มาฝาก รับรองว่า ทำความสะอาด หมดจด ไม่เหลือร่องรอยให้หงุดหงิดใจแน่นอน แต่จะมีวิธีใดที่สามารถใช้ของใน บ้าน ของเราทำได้บ้าง ก็ตามไปดูกันเลยค่ะ 1. นมเปรี้ยว เนื่องจากนมเปรี้ยวมีความเป็นกรด ที่สามารถช่วยกำจัดเชื้อราบนเสื้อผ้าได้ ซึ่งวิธีการก็ไม่ยาก แค่ถูนมเปรี้ยวลงบนคราบ แล้วทิ้งไว้ 1 คืน หรือเอาไปตากแดดจนเสื้อผ้าแห้งสนิท เสร็จแล้วค่อยนำกลับมาซัก เจ้าเชื้อราก็จะยอมแพ้และยอมหลุดออกจากเสื้อผ้าของเราแบบง่าย ๆ แน่นอน 2. น้ำร้อน น้ำร้อนเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยกำจัดเชื้อราบนเสื้อผ้าได้แบบง่าย ๆ เพียงแค่เรานำเสื้อผ้าที่มีเชื้อราไปซักในน้ำร้อน เสร็จแล้วก็นำไปตากให้แห้ง แต่มีข้อแม้คือไม่ควรซักรวมกับเสื้อผ้าตัวอื่น ๆ เด็ดขาด เพราะจะทำให้เชื้อรายิ่งแพร่กระจายไปสู่เสื้อผ้าตัวอื่นนั่นเอง 3.
น้ำส้มสายชู คุณจะต้องใช้น้ำส้มสายชูกลั่นขาว ไม่จำเป็นต้องรดน้ำลง เพียงแค่ใส่ในขวดสเปรย์ แช่ และขัด ข้อดีของน้ำส้มสายชูก็คือราคาค่อนข้างถูกเช่นเดียวกับน้ำส้มสายชูที่เป็นธรรมชาติน้อยกว่า น้ำส้มสายชูสามารถฆ่าเชื้อราได้เพียง 90% เท่านั้น ดังนั้นคุณอาจต้องการทำตามนี้ด้วยสารละลายเบกกิ้งโซดา 3. เบคกิ้งโซดา เบกกิ้งโซดาหนึ่งช้อนชาใน 20 ออนซ์ ขวดสเปรย์ที่เจือจางด้วยน้ำจะช่วยได้ คุณสามารถฉีดครั้งที่สองหลังจากที่คุณเอาราและล้างบริเวณนั้นแล้ว จะทำให้แม่พิมพ์ไม่กลับมา 4. น้ำมันทีทรี ใช้น้ำมันทีทรี 1 ช้อนชาต่อน้ำหนึ่งแก้ว ฉีด ขัด แล้วล้างออก คุณสามารถทิ้งสิ่งนี้ไว้บนพื้นผิวส่วนใหญ่ได้เช่นกันเพื่อป้องกันการเติบโตของเชื้อราในอนาคต แม้ว่าน้ำมันทีทรีจะเป็นตัวเลือกที่เป็นธรรมชาติมากกว่า แต่ก็มีป้ายราคาที่ใหญ่กว่า หากคุณมีงบประมาณจำกัดแต่ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ปลอดสารพิษจริงๆ ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในบริเวณที่คุณสัมผัสมากที่สุด และสำหรับพื้นที่อื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบ ให้ใช้อย่างอื่น 5. สารสกัดจากเมล็ดองุ่น ใช้สารสกัดจากเมล็ดองุ่น 10 หยดต่อน้ำหนึ่งถ้วย ผสมได้ยากกว่าสารละลายอื่นๆ ดังนั้นควรเขย่าขวดให้ดีก่อนพ่น ยิ่งคุณทำให้ราในสารละลายนี้อิ่มตัวนานเท่าไร แม่พิมพ์ก็จะยิ่งหลุดออกได้ง่ายขึ้นเท่านั้น อายุการเก็บรักษาของสารสกัดจากเมล็ดองุ่นค่อนข้างนาน คุณจึงสามารถทิ้งมันไว้ในขวดสเปรย์เพื่อใช้ซ้ำได้ในภายหลัง ข้อมูลเพิ่มเติม ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับเชื้อราและความชื้น | CDC เว็บไซต์ CDC Mold ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อราและสุขภาพ รายการโปรแกรมคุณภาพอากาศภายในอาคารของรัฐ คำแนะนำเกี่ยวกับการประเมิน ความพยายามในการทำความสะอาด และการป้องกันการเติบโตของเชื้อรา และการเชื่อมโยงไปยังแหล่งข้อมูล