สโลแกน กวน ๆ

doggyland.org

ขับ รถ เกียร์ ออ โต้ ลง เขา

วิ ธีการเบรก ควรแตะเบรกเบาๆ เป็นช่วงๆ ให้รถค่อยๆ ชะลอความเร็วลง ห้ามย้ำเบรก หรือเหยียบเบรกค้างนานๆ เพราะจะทำให้ผ้าเบรคไหม้ คุมรถไม่อยู่ หรือ เบรกแตก ได้ 3. วิ ธีที่ปลอ ดภั ยที่สุดคือ ปล่อยให้รถลงมาเองด้วยเกียร์ D/D1-2 หากไม่จำเป็นไม่ควรเหยียบคันเร่ง 4. หากเจอช่วงโค้งหักศอ กแล้วลาดลง ให้แตะเบรกและผ่อนความเร็วลงมาที่ 40-50 กิโลเมตรต่อชั่ วโมง 5. อ ย่ าแซงรถใหญ่หรือรถบรรทุกหนักในช่วงทางลงเขาชัน เพราะรถพวกนี้จะมีอัตราเร่งสูงกว่ารถทั่วไป การขับรถขึ้นลงเขาเป็นการขับขี่ที่มีความเ สี่ ย งสูง ทั้งเส้นทางที่สูงชันหรือคดเอียง มีสิทธิ์ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูง แม้จะขับรถเก่งแล้ว อ ย่ างไรก็ต ามผู้ขับรถยนต์ต้องมีสติมากๆ และต้องไม่ประมาทโดยเด็ดข า ด เพื่อล ดความเ สี่ ย ง และเพิ่มความปลอ ดภั ยแก่ตัวเองและผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย ที่มา kapook postsod

  1. วิ ธีขับรถเกียร์ออโต้ ขึ้นเขา-ลงเขา ไม่ย ากอ ย่ างที่คิด - ดีมาก
  2. และรักเรา
  3. ภาษาจีน
  4. เ ท ค นิ คขับรถเกียร์ออโต้ ขึ้นเขา-ลงเขา มือใหม่ควรรู้ไว้ - สบายดี

วิ ธีขับรถเกียร์ออโต้ ขึ้นเขา-ลงเขา ไม่ย ากอ ย่ างที่คิด - ดีมาก

ใช้เกียร์ D2-D1 ขึ้นอยู่กับความชันน้อยหรือมาก เปลี่ยนไปใช้เกียร์ D บ้าง เมื่อรถอยู่ในทางราบ 2. เหยียบคันเร่งต ามจังหวะความชัน พย าย ามให้รอบเครื่องอยู่ประมาณ 2000-3500 ควบคุมไม่ให้เกิน 4500 3. ควรใช้ความเร็วเพียง 50-80 กิโลเมตรต่อชั่ วโมงเท่านั้น ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องแข่ง ไม่ต้องแซงใคร ถ้ามีรถหลังมาด้วยความเร็วสูง ควรชิดซ้ายเพื่อเปิดทางให้เขาแซงไปก่อน 4. เว้นระยะจากรถคันหน้าประมาณ 30-50 เมตร เผื่อ กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินที่รถคันหน้า เช่น รถเบรกกระทันหัน ขึ้นไม่ไหว หรือรถดับกลางทาง หรืออาจมีเหตุเกิดขึ้นกับรถของคุณเอง เพื่อคุณจะได้มีโอกาสหลีกเลี่ยงได้อ ย่ างปลอ ดภั ย ที่สำคัญการเว้นระยะจะทำให้คุณสามารถเร่งรถขึ้นเขาได้ง่ายมากขึ้นด้วย 5. เมื่อต้องขับรถโค้งต่อเนื่องรูปตัว S ต้องมองเส้นทางให้เฉียบ มองให้ไกล และต้องมั่นใจว่าถนนโล่ง ไม่มีรถสวน มาแน่นอน จากนั้นให้ถอนคันเร่ง แล้วเ สี ยบตัดโค้งให้แนวทางการขับขี่เป็นเส้นตรงมากที่สุด 6. ถ้าต้องขับรถในทัศนวิสัยที่ไม่ดี หรือเจอเส้นทางโค้งแคบและมีสันเขาบังสายต า ควรเข้าโค้งแบบธรรมดา และต้องบีบแตรส่งสัญญาณเสมอเพื่อป้องกันรถที่วิ่งสวน มา หลักการขับรถลงเขา 1. ห้ามใส่เกียร์ว่าง N ตอนลงเขาเด็ดข า ด เพราะรถจะไหลลงด้วยความเร็วสูง โดยไม่มีแรงหน่วงของเครื่องยนต์ ให้ใช้เกียร์ D หรือ D2-D1 เช่นเดียวกันตอนขึ้นเขา ที่สำคัญอ ย่ าลืมควบคุมความเร็วของรถให้สัมพันธ์กับเกียร์ด้วย 2.

และรักเรา

  1. ขับ รถ เกียร์ ออ โต้ ลง เขา ภาษาอังกฤษ
  2. ขับ รถ เกียร์ ออ โต้ ลง เขา ภาษาจีน
  3. เ ท ค นิ คขับรถเกียร์ออโต้ ขึ้นเขา-ลงเขา มือใหม่ควรรู้ไว้ - สบายดี
  4. กินช็อกโกแลตแล้วทำให้สิวขึ้น จริงหรือ - Pantip
  5. ขับรถขึ้นเขา ลงเขา ให้ปลอดภัย มือใหม่ก็ขับขึ้นได้

Skip to content การท่องเที่ยวป่าเขา เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติ เป็นจุดสนใจมากขึ้นสำหรับนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน เพราะอยู่แต่ในมือง ทุกคนจึงต่างโหยหาธรรมชาติ แต่การขับขี่รถในเส้นทางภูเขานั้น ก็ต้องใช้ความระมัดระวังและความชำนาญของผู้ขับขี่เป็นพิเศษกว่าปกติ เพราะด้วยเส้นทางที่คดเคี้ยวและสูงชัน วันนี้เราจึงมาบอกเทคนิคการขับรถ ขึ้นเขา ลงเขา ให้ปลอดภัย 1. เคารพเส้นจราจร สิ่งสำคัญอันดับแรกที่จะช่วยให้เราขับขี่ได้อย่างปลอดภัย คือการเคารพกฏจราจร อย่างเส้นจราจรที่ตีไว้บนถนน เราก็ไม่ควรละเลยเช่นกัน ซึ่งโดยปกติการขับรถบนทางที่เป็นการขึ้นลงเขา หรือทางคดเคี้ยว จะทำให้ไม่เห็นรถอีกฝั่งชัดเจน เพราะถูกบดบังด้วยความโค้งของถนน หรือต้นไม้ จึงต้องตีเส้นทึบบังคับห้ามแซงไว้ เพื่อความปลอดภัย แต่หลายคนก็ละเลยและไม่ปฎิบัติตาม ทำให้นำมาซึ่งอุบัติเหตุบ่อยครั้ง 2. การขึ้นเขา ให้ใช้เกียร์ต่ำ หลายคนก็คงจะรู้อยู่แล้ว เมื่อต้องขับรถขึ้นเขา จำเป็นต้องใช้แรงส่งมากกว่าปกติ ดังนั้นเราจึงต้องใช้เกียร์ต่ำ เพื่อให้มีแรงส่งมากพอที่จะขับขึ้นเขาได้ สำหรับเกียร์ธรรมดา ก็จะเป็นเกียร์ 1-2 ส่วนเกียร์ออโต้ก็ให้เปลี่ยนจาก ตำแหน่ง D ไปตำแหน่ง L 3.

ภาษาจีน

เรียนรู้เส้นทาง เคล็ดไม่ลับหนึ่งในการขับทางเขา คือทำความคุ้นเคยกับเส้นทาง แต่ถ้าคุณไม่ได้มาบ่อย ให้ใช้การอ่านป้ายจราจร อ่านลักษณะโค้ง หรือลักษณะทางให้แม่นยำ มันช่วยได้เสมอ ในการขับลงเขา เพราะคุณจะรูว่าต่อไปจะเจออะไร โค้งแบบไหน แล้วเตรียมตัวให้ดี หรือในเส้นทางที่มืดมิดเส้นจราจรคือเพื่อนที่แสนดีเสมอ ที่จะบอกว่า คุณจะต้องไปทางไหน 5. เว้นระยะห่าง เมื่อลงเขาจำไว้เสมอที่จะพยายามรักษาระยะห่าง ในการขับขี่เสมอ อย่าจี้คันหน้า เพราะคุณจะได้เห็นเส้นทางอย่างชัดเจน และตัดสินใจในการควบคุมรถได้อย่างถูกต้อง 6.

ให้ใช้เกียร์ D หรือ D2-D1 ขึ้นอยู่กับความชันน้อยหรือมาก โดยให้ใช้เกียร์ D2-D1 ในการขับขึ้นเขาลงเขา และเปลี่ยนไปใช้เกียร์ D บ้าง เมื่อรถอยู่ในทางราบ 2. เหยียบคันเร่งตามจังหวะความชัน พยายามให้รอบเครื่องอยู่ประมาณ 2000-3500 ควบคุมไม่ให้เกิน 4500 3. ใช้ความเร็วเพียง 50-80 km/h ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องแข่งกับใคร ถ้ารถหลังรีบก็ให้ชิดซ้ายเพื่อเปิดทางให้เขาแซงไปก่อน 4. คุมระยะรถให้ห่างคันหน้าประมาณ 30-50 เมตร เพราะการเว้นระยะจะเผื่อไว้ในกรณีที่รถคันหน้าเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น ขึ้นไม่ไหว หรือรถตายกลางทาง คุณจะได้มีโอกาสหลบเลี่ยงได้อย่างปลอดภัย ที่สำคัญการเว้นระยะจะทำให้คุณมีโอกาสเร่งรถขึ้นเขาได้สบายมากขึ้นด้วย 5. เมื่อต้องขับรถโค้งต่อเนื่องรูปตัว S ต้องมองให้ไกล มองให้ลึก เมื่อแน่ใจว่าทางว่าง และไม่มีรถสวนมาให้ จากนั้นให้ถอนคันเร่งลง แล้วเสียบตัดโค้งในแนวการขับให้เป็นเส้นตรงมากที่สุด 6. การขับในทัศนวิสัยที่ไม่ดี หรือเป็นทางโค้งแคบที่มีสันเขาบังสายตา ควรเข้าโค้งแบบธรรมดา และต้องบีบแตรส่งสัญญาณก่อนทุกครั้งเพื่อป้องกันรถที่วิ่งสวนมา หลักการขับรถลงเขา 1. ให้ใช้เกียร์ D หรือ D2-D1 เช่นเดียวกันตอนขึ้นเขา และห้ามใส่เกียร์ว่าง 'N' ลงเขาเด็ดขาด!

เ ท ค นิ คขับรถเกียร์ออโต้ ขึ้นเขา-ลงเขา มือใหม่ควรรู้ไว้ - สบายดี

ขับรถเกียร์ออโต้ลงเขา อย่างไรให้ปลอดภัย หน้าหนาวแบบนี้เชื่อเลยว่า หลายคนคงจะเดินหน้าหาที่พักผ่อนหย่อนใจ โดยเฉพาะหนาวแบบนี้มันต้องขึ้นเขาขึ้นดอยไปสัมผัสอากาศหนาวๆ ให้มันรู้กันไปว่าเมืองไทยก็หนาวนะ แต่ว่าการเดินทางอาจกลายเป็นหายนะได้ ถ้าคุณไม่รู้ว่าขึ้นไปแล้วจะลงให้ปลอดภัยได้อย่างไร และนักเที่ยวหลายคนก็ฟังเขามาแบบผิดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถทุกวันนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเกียร์ออโต้ทั้งนั้น รถเกียร์ออโต้ หรือระบบเกียร์อัตโนมัติอาจจะขับสบายในทางราบหรือช่วยได้มากในยามรถติด แต่ขับลงเขานั้นคุณก็ต้องยกเอาองคาพยพเทคนิคมาใช้กันหน่อยเพื่อความปลอดภัย และต่อไปนี้คือคำแนะนำจากผม ถ้าเผื่อคุณต้องขับรถเกียร์ออโต้ลงเขา 1. ใช้ความเร็วที่เหมาะสม การขับลงเขาจำไว้ว่าคุณต้องขับอย่างปลอดภัย พยายามใช้ความเร็วเหมาะสมในการเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครที่ยังขับรถยนต์ยังไม่แข็ง หรือเพิ่งขับรถได้ไม่นาน จำไว้ว่า ความเร็วในยามลงเขาคือทุกอย่าง มันหมายถึงการเข้าโค้งยากขึ้น หรือต้องไวมากขึ้น ดังนั้นใช้ความเร็วให้เหมาะสมดีกว่า 2.

เพราะจะทำให้รถไหลลงด้วยความเร็วสูง โดยไม่มีแรงหน่วงของเครื่องยนต์ ที่สำคัญอย่าลืมควบคุมความเร็วของรถให้สัมพันธ์กับเกียร์ด้วย 2. ห้ามย้ำเบรคค้างนานๆ เพราะจะทำให้ผ้าเบรคไหม้ คุมรถไม่อยู่ หรือ "เบรคแตก" ได้ ให้แตะเบรคเบาๆเป็นช่วงๆให้รู้สึกว่ารถชะลอความเร็วลง 3. ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรเหยียบคันเร่ง แต่ปล่อยให้รถลงมาเองด้วยเกียร์ D/D1-2 4. ก่อนเข้าโค้งหักศอกแล้วลาดลง ให้แตะเบรคลดความเร็วลงมาที่ 40-50 km/h ก็พอ 5. อย่าแซงรถใหญ่หรือรถบรรทุกหนักในช่วงทางลงเขาชัน เพราะรถพวกนี้จะมีอัตราเร่งสูงกว่ารถทั่วไป การจะขับรถขึ้นเขาหรือลงเขาต้องอย่าลืมพกสติในการขับขี่ไปให้มากๆด้วย เพราะการขับรถเส้นทางเหล่านี้ไม่ใช่เส้นทางปกติที่คุณขับกันทุกวัน แต่เป็นการขับขี่บนเส้นทางที่มีความเสี่ยงสูง หากคุณประมาท โอกาสที่จะประสบอุบัติเหตุก็ย่อมเกิดขึ้นได้ง่ายมากกว่าปกติ ก่อนเดินทางตรวจสอบเครื่องยนต์แล้วตรวจสอบประกันภัยด้วยนะครับว่าขาดหรือยัง ถ้าขาดแล้วต้องการซื้อด่วนเข้าซื้อได้ที่ รับกรมธรรม์ใน 5 นาที และมีส่วนลดสมาชิกครับ

การลงเขา อย่าใส่เกียร์ว่าง สำหรับการขับขี่รถลงเขา ไม่ควรใช้เกียร์ว่าง เพราะจะยิ่งลดความปลอดภัยในการขับขี่ เนื่องจากการใส่เกียร์ว่าง ล้อจะเป็นอิสระจากเครื่องยนต์ ทำให้เราเสียการควบคุมรถได้ง่าย และยิ่งถ้าเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น เบรกแตก ก็จะทำให้ไม่สามารถควบคุมรถได้ และเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย หลายคนยังมีความเชื่อผิดๆที่ว่า หากขับรถลงเขาแล้วใส่เกียร์ว่าง เพื่อปล่อยไหล จะทำให้ประหยัดน้ำมัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง 4. แตะเบรกเป็นระยะ สำหรับการขับขี่ลงเขาที่มีความชันมากๆ อาจจะใช้แค่แรงจากเครื่องยนต์ในการรั้งไว้ไม่เพียงพอ เราจึงต้องใช้การเบรกช่วย ด้วยการแตะเบรกเบาๆเป็นระยะ เพื่อช่วยรถชะลอความเร็วจากการลงเขา แต่ระวังอย่าแตะเบรกแช่ยาวๆ เพราะจะทำให้เบรกไหม้ได้ 5. การเร่งเครื่องอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากการขับรถขึ้นเขาต้องใช้กำลังส่งที่มากกว่าปกติ ดังนั้นเราควรเร่งเครื่องอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เครื่องยนต์มีกำลังส่งรถได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทางที่ชันมากๆ เพราะหากเราเร่งเครื่องไม่ต่อเนื่อง หรือเร่งๆหยุดๆ จะทำให้รถหมดแรงส่งและไหลลงมาได้ 6. ทางโค้งต้องระวังเป็นพิเศษ เส้นทางขึ้นเขา ลงเขา มักจะเป็นเส้นทางที่คดเคี้ยว เพื่อลดความชันของเส้นทาง แต่ก็มักมีต้นไม้คอยบดบังทัศนียภาพในการขับรถ ดังนั้นเราควรที่จะเข้าโค้ง โดยให้ชิดซ้ายไว้ เผื่อกรณีที่มีรถอีกฝั่งสวนมา จะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุ สิ่งสำคัญในการขับขี่รถ นอกจากจะมีสติทุกขณะ ไม่ประมาทในการขับขี่ เคารพกฏจราจรเป็นพื้นฐานแล้ว เราควเช็คสภาพรถทุกครั้งก่อนออกเดินทาง และเตรียมความพร้อมของผู้ขับขี่ โดยการพักผ่อนให้เพียงพอ บเพื่อความปลอดภัยของตัวเราและผู้ร่วมทาง

ห้ามใส่เกียร์ว่าง N ตอนลงเขาเด็ดข า ด! เพราะรถจะไหลลงด้วยความเร็วสูง โดยไม่มีแรงหน่วงของเครื่องยนต์ ให้ใช้เกียร์ D หรือ D2-D1 เช่นเดียวกันตอนขึ้นเขา ที่สำคัญอ ย่ าลืมควบคุมความเร็วของรถให้สัมพันธ์กับเกียร์ด้วย 3. หากเจอช่วงโค้งหักศอ กแล้วลาดลง ให้แตะเบรกและผ่อนความเร็วลงมาที่ 40-50 กิโลเมตรต่อชั่ วโมง 4. อ ย่ าแซงรถใหญ่หรือรถบรรทุกหนักในช่วงทางลงเขาชัน เพราะรถพวกนี้จะมีอัตราเร่งสูงกว่ารถทั่วไป 5. วิ ธีที่ปลอ ดภั ยที่สุดคือ ปล่อยให้รถลงมาเองด้วยเกียร์ D/D1-2 หากไม่จำเป็นไม่ควรเหยียบคันเร่ง การขับรถขึ้นลงเขาเป็นการขับขี่ที่มีความเสี่ยงสูง ทั้งเส้นทางที่สูงชันหรือคดเอียง มีสิทธิ์ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูง แม้จะขับรถเก่งแล้ว อ ย่ างไรก็ต ามผู้ขับรถยนต์ต้องมีสติมากๆ และต้องไม่ประมาทโดยเด็ดข า ด เพื่อลดความเสี่ยง และเพิ่มความปลอ ดภั ยแก่ตัวเองและผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย ที่มา kapook postsod

เว้นระยะจากรถคันหน้าประมาณ 30-50 เมตร เผื่อ กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินที่รถคันหน้า เช่น รถเบรกกระทันหัน ขึ้นไม่ไหว หรือรถดับกลางทาง หรืออาจมีเหตุเกิดขึ้นกับรถของคุณเอง เพื่อคุณจะได้มีโอกาสหลีกเลี่ยงได้อ ย่ างปลอ ดภั ย ที่สำคัญการเว้นระยะจะทำให้คุณสามารถเร่งรถขึ้นเขาได้ง่ายมากขึ้นด้วย 2. ใช้เกียร์ D2-D1 ขึ้นอยู่กับความชันน้อยหรือมาก เปลี่ยนไปใช้เกียร์ D บ้าง เมื่อรถอยู่ในทางราบ 3. เหยียบคันเร่งต ามจังหวะความชัน พย าย ามให้รอบเครื่องอยู่ประมาณ 2000-3500 ควบคุมไม่ให้เกิน 4500 4. ควรใช้ความเร็วเพียง 50-80 กิโลเมตรต่อชั่ วโมงเท่านั้น ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องแข่ง ไม่ต้องแซงใคร ถ้ามีรถหลังมาด้วยความเร็วสูง ควรชิดซ้ายเพื่อเปิดทางให้เขาแซงไปก่อน 5. เมื่อต้องขับรถโค้งต่อเนื่องรูปตัว S ต้องมองเส้นทางให้เฉียบ มองให้ไกล และต้องมั่นใจว่าถนนโล่ง ไม่มีรถสวน มาแน่นอน จากนั้นให้ถอนคันเร่ง แล้วเ สี ยบตัดโค้งให้แนวทางการขับขี่เป็นเส้นตรงมากที่สุด 6. ถ้าต้องขับรถในทัศนวิสัยที่ไม่ดี หรือเจอเส้นทางโค้งแคบและมีสันเขาบังสายต า ควรเข้าโค้งแบบธรรมดา และต้องบีบแตรส่งสัญญาณเสมอเพื่อป้องกันรถที่วิ่งสวน มา หลักการขับรถลงเขา 1. วิ ธีการเบรก ควรแตะเบรกเบาๆ เป็นช่วงๆ ให้รถค่อยๆ ชะลอความเร็วลง ห้ามย้ำเบรก หรือเหยียบเบรกค้างนานๆ เพราะจะทำให้ผ้าเบรคไหม้ คุมรถไม่อยู่ หรือ เบรกแตก ได้ 2.

Wed, 08 Jun 2022 23:16:12 +0000